บทความ
เครื่องมือทดสอบวัสดุ
เครื่องมือทดสอบวัสดุ (Material testing equipment) เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือ ที่ใช้ในการทดสอบและวิเคราะห์คุณสมบัติต่างๆ ของวัสดุ เพื่อให้เราทราบถึงความแข็งแรง ความทนทาน ความยืดหยุ่น ความทนทานต่อความร้อน และคุณสมบัติอื่นๆ ของวัสดุนั้นๆ ในสายงานอุตสาหกรรม การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนา และงานที่เกี่ยวข้องกับวัสดุต่างๆ เหตุผลที่จำเป็นต้องทดสอบวัสดุรวมถึงการตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ ของวัสดุอาจเกิดจากความจำเป็นในการตรวจสอบความคงทนของวัสดุต่อแรงกระทำ หรือความสามารถในด้านอื่นๆ ตามที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละรูปแบบของวัสดุนั้นๆ
เครื่องมือทดสอบวัสดุมีหลายประเภทได้แก่:
- เครื่องทดสอบแรงดึง (Tensile Testing Machine): ใช้ในการทดสอบแรงดึงของวัสดุ เพื่อวัดความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของวัสดุ เมื่อถูกดึงตามแนวยาว การวัดค่าแรงกระทำต่อวัสดุ ประเมินคุณสมบัติของวัสดุต่อแรงต้นทาง และแรงสังเคราะห์ (tensile and compressive strength) รวมถึงการปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างวัสดุต่างๆ
- เครื่องทดสอบความทนทานต่อแรงกด (Compression Testing Machine): ใช้ในการทดสอบความแข็งแรงของวัสดุเมื่อถูกกด
- เครื่องทดสอบความแข็งแรงแบบแผ่นเรียบ (Flat Sheet Tensile Testing Machine): ใช้ในการทดสอบแรงดึงแบบแผ่นเรียบ เป็นการทดสอบความแข็งแรงของวัสดุแผ่นแบน
- เครื่องทดสอบความทนทานต่อความร้อน (Heat Resistance Testing Machine): ใช้ในการทดสอบความทนทานของวัสดุ ต่อความร้อนและการเปลี่ยนรูป
- เครื่องทดสอบความแข็ง(Hardness Testing Machine): ใช้ในการวัดความแข็งแรงของวัสดุ โดยการกดหรือแทงวัสดุ
- เครื่องทดสอบการทนทานต่อการกัดกร่อน (Abrasion Testing Machine): ใช้ในการทดสอบความทนทานต่อการกัดกร่อน และการถูบนวัสดุ
- เครื่องทดสอบการทนทานต่อสภาพแวดล้อม (Environmental Testing Machine): ใช้ในการทดสอบความทนทานของวัสดุ ต่อสภาพแวดล้อม เช่น การทดสอบความทนทานต่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำ
- เครื่องทดสอบความหนาแน่น (Density Testing Machine):
- เครื่องทดสอบความชื้น (Moisture Content Testing Machine): ใช้ในการวัดปริมาณความชื้นในวัสดุ
- เครื่องทดสอบการแพร่กระจายของวัสดุ (Material Dispersion Testing Machine): ใช้ในการทดสอบความถูกต้อง และความแม่นยำในการผสมวัสดุ
- เครื่องทดสอบการต้านแรงเสียดทาน และการแยกตัว(Fatigue Testing Machine): ใช้ในการทดสอบความทนทานของวัสดุ ต่อการเสียดทานตลอดเวลา การแยกตัวที่เกิดขึ้นในระยะเวลานาน ๆ โดยทดสอบการโค้งงอ
- เครื่องทดสอบความทนทานต่อการสั่นสะเทือน (Vibration endurance tester): เครื่องนี้ใช้ในการทดสอบความทนทานของวัสดุต่อการสั่นสะเทือน โดยการให้วัสดุรับแรงสั่นสะเทือนแบบฮามเมอร์แล้วตรวจวัดความเสียหายที่เกิดขึ้น
- เครื่องทดสอบความทนทานต่อการแยกตัว (Fatigue Testing Machine): เครื่องนี้ใช้ในการทดสอบความทนทานของวัสดุต่อเครื่องมือทดสอบวัสดุมีหลายประเภท และรูปแบบต่างกัน โดยการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ของการทดสอบและคุณสมบัติของวัสดุ ที่ต้องการทดสอบและวิเคราะห์
- เครื่องทดสอบความหนืด (Density Tester): เครื่องนี้ใช้ในการวัดความหนืดของวัสดุ วัดความหนาแน่นของวัสดุ โดยวัดค่าความหนืดเป็นอัตราส่วนระหว่างมวลต่อปริมาตรของวัสดุ
- เครื่องทดสอบความทนทานต่อสารเคมี (Chemical resistance testing machine): เครื่องนี้ใช้ในการทดสอบความทนทานของวัสดุต่อสารเคมี เช่นการทดสอบความคงทนต่อกรดหรือด่าง
- เครื่องทดสอบความสมบูรณ์ (Integrity testing machine): ใช้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของวัสดุ โดยตรวจสอบความสมบูรณ์ของโครงสร้างในระดับทางโมเลกุล
- เครื่องทดสอบการระบายความร้อน (Thermal Testing Machine): ใช้วัดการส่งออกความร้อนของวัสดุ และความสามารถในการรักษาความเย็น
- เครื่องทดสอบอัลตร้าโซนิก (Ultrasonic Testing Machine): ใช้ในการตรวจสอบความเสียหายภายในวัสดุโดยใช้คลื่นอัลตราโซนิก เพื่อค้นหารอยร้าวและขอบเขตของความเสียหาย
- เครื่องทดสอบการเปลี่ยนรูป (Impact Testing Machine): ใช้ในการทดสอบความทนทานของวัสดุต่อการกระแทก โดยใช้การกระแทกแบบมีแรงเคลื่อนที่กับวัสดุ แล้ววัดความเสียหาย หรือการแตกของวัสดุ
ในการเลือกใช้ เครื่องมือทดสอบวัสดุ จะขึ้นอยู่กับวัสดุที่คุณต้องการทดสอบและคุณสมบัติที่คุณต้องการให้วัสดุนั้นผ่านการทดสอบ โดยทั่วไปแล้วการ ทดสอบวัสดุ มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับความคงทน, ความแข็งแรง, ความยืดหยุ่น, ความต้านทานต่อการกัดกร่อน, ความต้านทานต่อความร้อน, และคุณสมบัติอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการนำไปใช้ในงาน หรือโครงการที่แตกต่างกันไป และการใช้งานต่างๆ ที่ต้องการวัดได้อย่างละเอียดแม่นยำ การ ทดสอบวัสดุ เป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมคุณภาพ และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในหลายอุตสาหกรรม เช่น ในงานวิศวกรรม อุตสาหกรรม การวิจัยและพัฒนา อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงรักษามาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตลอดจนลดความเสี่ยงในการใช้งาน
ทั้งนี้ในการตรวจสอบวัสดุเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเชื่อถือได้เกี่ยวกับคุณสมบัติของวัสดุนั้นๆ โดยใช้การตัดสินใจในการนำวัสดุไปใช้งานในแต่ละรูปแบบต่าง ๆ อย่างถูกต้องและประหยัดทรัพยากรให้ได้ดีที่สุด